ตะขบป่า
วันนี้ขอแนะนำให้รู้จักผลไม้ป่ามหัศจรรย์ทางป่าภาคเหนือ ชื่อ มะเกว๋น
(มีหลายชื่อเรียกครับตานเสี้ยน ภาษากลางตะขบป่า ภาคเหนือมะเกว๋นอีสาน
หมากเบน) ไม้ยืนต้นสูงใหญ่ ลำต้นมีหนามเล็กน้อย เรียนเชิญดูรูปภาพประกอบครับ
(มีหลายชื่อเรียกครับตานเสี้ยน ภาษากลางตะขบป่า ภาคเหนือมะเกว๋นอีสาน
หมากเบน) ไม้ยืนต้นสูงใหญ่ ลำต้นมีหนามเล็กน้อย เรียนเชิญดูรูปภาพประกอบครับ
ชื่อสมุนไพร
| ตะขบป่า |
ชื่ออื่นๆ
| เบนโคก (อุบลราชธานี) ตานเสี้ยน มะแกว๋นนก มะแกว๋นป่า มะขบ หมากเบน |
ชื่อวิทยาศาสตร์
| Flacourtia indica (Burm.f.) Merr. |
ชื่อพ้อง
| |
ชื่อวงศ์
| Flacourtiaceae |
วงศ์ | Salicaceae (Flacourtiaceae) | |
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Flacourtia indica (Burm.f.) Merr. | |
ชื่อไทย | ตะขบป่า, มะเกว๋น | |
ชื่อท้องถิ่น | ตะเพซะ(กะเหรี่ยงเชียงใหม่), มะเกว๋น(เมี่ยน,คนเมือง), ลำเกว๋น(ลั้วะ), บีหล่อเหมาะ(กะเหรี่ยงแดง), ตุ๊ดตึ๊น(ขมุ) | |
ลักษณะทาง พฤกษศาสตร์ | มะเกว๋นเป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง สูง 7-10 เมตร ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาล กิ่งก้านจะ อ่อนห้อยลู่ลง | |
ใบ | ใบเดี่ยวออกสลับ ใบมีรูปร่างหลายแบบ ทั้งรูปขอบขนานรี รูปไข่ หรือไข่กลับ | |
ดอก | ดอกออกเป็นช่อแบบกระจะที่ปลายยอด มีดอกย่อย 4-6 ดอก ดอกเพศผู้และเพศเมียแยกกันอยู่คนละต้น เกสรตัวผู้มีจำนวนมาก ดอกเพศเมียมีกลีบเลี้ยงคล้ายดอกเพศผู้ | |
ผล | ผลรูปกลมรี เนื้อเละ เมล็ดจำนวนมาก ผลสุกมีสีดำหรือแดง | |
สรรพคุณ / การใช้ประโยชน์ | - ผลสุก รับประทานได้(เมี่ยน,คนเมือง,กะเหรี่ยงแดง,ลั้วะ,ขมุ) - ราก ต้มน้ำดื่มแก้อาการปวดเมื่อย(กะเหรี่ยงเชียงใหม่) - เนื้อไม้ ใช้สร้างบ้าน เป็นโครงสร้างต่างๆ ของบ้าน เช่น เสาบ้าน(ลั้วะ) |
|
อ้างอิง | เต็ม สมิตินันทน์,2544. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้, กรุงเทพฯ. | |
สภาพนิเวศ | พบในป่าโปร่งทั่วไป ชอบพื้นที่กลางแจ้ง ทนแล้งและน้ำท่วมขังได้ดี |
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก ผลัดใบ สูง 2-15 เมตร ลำต้น และกิ่งใหญ่ๆมีหนามแหลม กิ่งแก่ๆมักจะไม่มีหนาม กิ่งอ่อนมีหนามแหลมตามซอกใบ หนามยาว 2-4 เซนติเมตร เรือนยอดแผ่กว้าง ปลายกิ่งโค้งลง เปลือกสีเหลืองอมเทาแตกเป็นร่องลึก มีช่องอากาศรูปรีกระจายห่างๆ ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ ขนาดค่อนข้างเล็ก มักเรียงชิดกันเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง รูปร่าง ขนาด เนื้อใบ และขนที่ปกคลุมแตกต่างกัน ส่วนใหญ่แผ่นใบรูปไข่กลับ กว้าง 1.5-3 เซนติเมตร ยาว 2-4 เซนติเมตร ปลายกลม โคนสอบแคบ ขอบใบค่อนข้างเรียบ หรือจัก มักจักใกล้ปลายใบ แผ่นใบบางคล้ายกระดาษถึงหนาคล้ายแผ่นหนัง เกลี้ยงถึงมีขนสั้นหนานุ่มทั้งสองด้าน ใบอ่อนและเส้นกลางใบสีแดงอมส้ม เส้นแขนงใบมี 4-6 คู่ เส้นใบย่อยสานกันเป็นร่างแห พอเห็นได้ลางๆ ก้านใบยาว 3-5 มิลลิเมตร ก้านใบสีเขียวหรือแดง มีขน ก้านใบยาว 3-8 มิลลิเมตร ดอกแบบ ช่อกระจะ ออกเป็นช่อสั้นๆ ตามซอกใบ และปลายกิ่ง มีขน ดอกย่อยจำนวนน้อย ดอกขนาดเล็ก สีขาว แยกเพศอยู่คนละต้น ที่โคนช่อมีใบประดับ บางทีมีหนาม ก้านดอกยาว 3-5 เซนติเมตร มีขน กลีบดอก 5-6 กลีบ รูปไข่ ปลายมน ยาว 1.5 มิลลิเมตร ด้านนอกค่อนข้างเกลี้ยง ด้านในและที่ขอบกลีบมีขนแน่น ดอกแยกเพศ ดอกเพศผู้ จานฐานดอกแยกเป็นแฉกเล็กน้อย หรือหยักมน มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก ก้านเกสรยาว 2-2.5 มิลลิเมตร มีขนเฉพาะที่โคน ดอกเพศเมีย จานฐานดอกเรียบ รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มีรังไข่กลม ปลายสอบแคบ มี 1 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียมี 5-6 อัน ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร แต่ละก้านปลายแยกเป็นสองแฉก และม้วนออก กลีบเลี้ยง 5-6 กลีบ รูปไข่ กว้างประมาณ 1 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ปลายมน ผิวด้านนอกเกลี้ยง ด้านในและขอบมีขนหนาแน่น ผลกลม หรือรี เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8-1 เซนติเมตร ออกเดี่ยว หรือเป็นกลุ่ม เป็นพวงเล็กๆ ตามกิ่ง เมื่ออ่อนสีเขียว สุกสีแดงคล้ำ ลักษณะชุ่มน้ำ มี 5-8 เมล็ด มีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ที่ปลายผล ผลจะสุกประมาณเดือนกรกฎาคม ถึงสิงหาคม รับประทานได้ รสหวานอมฝาด พบตามป่าเต็งรัง ป่าชายหาด ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าผสมผลัดใบ ตลอดจนตามริมแม่น้ำ
ใบ และ หนาม
ใบ และ หนาม
ภาพแสดงตัวอย่างพรรณไม้
ภาพประกอบ
ประโยชน์ของตะขบป่า
ตะขบป่า คือ พืชสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย
ตะขบป่า เป็นชื่อที่เรียกกันในภาคกลาง ส่วนชื่ออื่น ๆ ที่เรียกกันเช่น
ตานเสี้ยน มะเกว๋นนก มะเกว๋นป่า (ภาคเหนือ)
ต้นตะขบป่าจะถูกพบมากตามป่าเบญจพรรณ ป่าชายหาด และขึ้นประปรายทั่วไป
ในที่ระดับนํ้าทะเลถึงความสูง 1,100เมตร
มีการเพาะปลูกกันบ้างตามสวนเพื่อกินผล
ลักษณะของตะขบป่า
ไม้พุ่ม หรือ ไม้ต้น ขนาดเล็ก ผลัดใบ สูง 2-5(-15)เมตร
ตามลำต้นและกิ่งใหญ่มีหนามแหลม ยาว 2-4 ซม. เรือนยอดแผ่กว้าง
ปลายกิ่งโค้งลง เปลือกสีเหลืองอมเทา แตกเป็นร่องลึก
มีช่องอากาศรูปรีกระจายห่าง ๆ
ใบเดี่ยว ออกเวียนสลับ ขนาดค่อนข้างเล็ก รูปร่าง ขนาด เนื้อใบ
และขนที่ปกคลุมแตกต่างกัน ส่วนใหญ่เป็นรูปไข่กลับ กว้าง 1.5-3 ซม. ยาว 2-4
ซม. ปลายใบกลม โคนใบสอบแคบ ขอบใบค่อนข้างเรียบ หรือ จัก มักจักใกล้ปลายใบ
ใบอ่อนและเส้นกลางใบสีแดงอมล้ม เส้นใบมี 4-6 คู่
เส้นใบย่อยสานกันเป็นร่างแห พอเห็นได้ลาง ๆ ก้านใบยาว 3-5 มม. สีแดง มีขน
ดอก ออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามง่ามใบ และที่ปลายกิ่ง มีขน แต่ละช่อมีดอก
จำนวนน้อย ที่โคนช่อมีใบประดับ บางทีมีหนาม ก้านดอกยาว 3-5(-7) มม. มีขน
กลีบดอก 5-6 กลีบ รูปไข่ ปลายมน ยาว 1.5 มม. ด้านนอกค่อนข้างเกลี้ยง ด้านในและที่ขอบกลีบมีขนแน่น ดอกแยกเพศ
ดอกเพศผู้ฐานดอกจักมน เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก ก้านเกสรยาว 2-2.5 มม. มีฃน เฉพาะที่โคน
ดอกเพศเมีย ฐานดอกเรียบ หรือ ค่อนข้างเรียบ รังไข่กลม ปลายสอบแคบ ก้าน
เกสรเพศเมียมี 5-6 อัน ยาวประมาณ 1 มม. แต่ละก้านปลายแยกเป็นสองแฉก
และม้วนออก
ผลกลม หรือ รี เล็ก ออกเดี่ยว ๆ หรือเป็นกลุ่มตามกิ่ง เส้นผ่านศูนย์กลาง
0.8-1 ซม. เมื่ออ่อนสีเขียว เมื่อแก่สีแดงคลํ้า
มีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ที่ปลายผล มีเมล็ด 5-8 เมล็ด
ประโยชน์และสรรพคุณของตะขบป่า
- ราก กินแก้ไตอักเสบ
- ยางจากต้นใช้เข้าเครื่องยา แก้อหิวาตกโรค
- เปลือกต้น ชงกินแก้เสียงแห้ง อมกลั้วคอแก้เจ็บคอ
- เปลือกตำรวมกับนํ้ามัน ใช้ทาถูนวด แก้ปวดท้อง แก้คัน
- นํ้ายางจากต้น และใบสด กินเป็นยาลดไข้สำหรับเด็ก แก้โรคปอดอักเสบ แก้ไอ แก้บิด และท้องเสีย ช่วยย่อย
- นํ้าต้มใบแห้งกินเป็นยาฝาดสมาน ขับเสมหะ แก้หืด หอบ หลอดลมอักเสบ ขับลม และบำรุงร่างกาย
- ใบที่ย่างไฟจนแห้งใช้ชงกินหลังคลอดบุตร
- ผล กินได้ มีปริมาณวิตามินบีสูง แก้อ่อนเพลีย บรรเทาอาการโรคดีซ่าน ม้ามโต แก้คลื่นไส้ อาเจียน และเป็นยาระบาย
- เมล็ด ตำพอกแก้ปวดข้อ
วิธีทานตะขบป่า
ภาพประกอบ
ตะขบป่าที่ได้สายพันธุ์จากตลาดแม่สาย เชียงราย
ปลูกแบบไม่ได้ดูแล 4 ปี ยังไม่มีผล มีแต่หนาม..(อิ ๆๆ) ต้องบำรุงกันหน่อยแล้ว..(ที่ศูนย์โนอาห์)
ข้อมูลข้างเคียง : Kaijeaw
4 ความคิดเห็น :
มีกิ่งพันธุ์ไหมครับ
ยังไม่ได้ลองตอนดูครับ แต่..ส่วนมากจะปลูกจากเม็ด นานกว่าจะได้ผล ในป่าธรรมชาติก็ถูกตัดทำลายไปมากจนหาชิมได้ยากมากแล้ว หากตอนได้สำเร็จจะแจ้งอีกครั้งนะครับ.. ขอบคุณที่สนใจ
ตอนได้ครับ ขอยืนยัน
ดอกเพศผู้เพศเมียแยกกันคนละต้น ถ้าเราปลูกต้นเดียวก็ไม่มีโอกาสได้กินลูกใช่ไหมคะ จะได้ฟันทิ้ง เพราะมีแค่ต้นเดียวเพาะเมล้ดตอนนี้สูง 3 เมตรกว่าแล้วมั๊ง คอนตัดกิ่งล่างๆมีหนามกลัวต่ำหัว
แสดงความคิดเห็น