Container Icon

การปลูกมันเลือด

       มันเลือด

          มันเลือด : ฟังชื่อน่ากลัว แต่พอเห็นก็ถูกใจมาก เนื่องจากเป็นของพื้นบ้าน แน่นอนไม่มีสารพิษ และพิเศษอีกอย่างคือเป็นของที่แปลกตามาก ไม่เคยได้เห็นมาก่อน นั่นคือ มันเลือด
ชิ้นนี้หนักประมาณหนึ่งกิโล
สีเนื้อมันตอนแห้งๆ
ฝังลงดินแล้วเอาขึ้นมาใหม่
นึกได้ว่าน่าจะแบ่งปันภาพให้ชมดกันบ้าง
ไม่ชัดนัก สับออกให้เห็นเนื้อในสดๆ คล้ายเผือก
สีชมพูม่วงสวย ส่วนผิวๆสีออกคล้ายแดง
ดูกันชัดๆอีกนิด
พี่ว่าให้ปลูกในกระสอบได้หากว่าจะไม่ลงดิน ถ้าลงดินจะได้หัวที่ใหญ่มากน้ำหนักหัวมันเป็นสิบกิโล... ไม่รอช้า...
อาศัยจากที่เคยปลูกหัวมัน
ฝังหัวลงไปให้ส่วนที่เป็นยอดโผล่ขึ้นมา 

ข้อมูลเพิ่มเติมสรรพคุณของมันชนิดนี้ :ที่นี่


วิธีการปลูกมันชนิดนี้ในเชิงพาณิชย์

            ปัจจุบัน มันพื้นบ้านหรือมันป่าของไทยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคที่รักสุขภาพมากขึ้น ในทางวิทยาศาสตร์ได้มีการวิเคราะห์สารหลายชนิดที่อยู่ในมันพื้นบ้านนั้นมี ประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์มากมาย ที่เห็นชัดเป็นรูปธรรมที่สุดคือ มีสรรพคุณในการรักษาระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยบำรุงรักษาสุขภาพของสตรีวัยหมดประจำเดือน นอกจากนั้น ในมันพื้นบ้านยังอุดมไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม วิตามินซี และกรดโฟลิกสูงมาก มันพื้นบ้านของไทยจัดเป็นอาหารสุขภาพที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน แต่คนไทยส่วนใหญ่ที่นิยมบริโภคมันพื้นบ้านยังอยู่ในชนบทและเป็นมันขุดมาจาก ธรรมชาติหรือปลูกแบบแซมในสวนผลไม้เก่า ไม่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบการปลูกในเชิงพาณิชย์ ทั้งที่มันพื้นบ้านของไทยเริ่มเป็นของหายากและมีราคาซื้อ-ขายสูงกว่ามันเทศ และมันฝรั่งด้วยซ้ำไป อย่างกรณีของมันนกและมันอ้อน (บางคนเรียกมันอ้อนว่า มันมือเสือ) ที่เนื้อมีความเหนียวและรสชาติอร่อยมาก ราคาขายถึงผู้บริโภคเฉลี่ยกิโลกรัมละ 50 บาท

ปัจจุบันทางแผนก ฟาร์ม ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จังหวัดพิจิตร ได้มีการรวบรวมสายพันธุ์มันพื้นบ้านของไทยและได้เริ่มทดลองปลูกในเชิง พาณิชย์ ผลปรากฏว่าประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่งและมีความเป็นไปได้ที่จะ ส่งเสริมให้มีการปลูกในเชิงพาณิชย์ต่อไป คุณกิตติพงษ์ สายบุญจันทร์ หัวหน้าแผนกฟาร์ม ได้สรุปข้อมูลเบื้องต้นหลังจากทดลองปลูกมันอ้อนและมันเลือดหลังจากที่เก็บ เกี่ยวผลผลิต โดยใช้เวลาปลูกเพียง 7-8 เดือนเท่านั้น ได้หัวมันที่มีคุณภาพและรสชาติไม่แตกต่างจากที่ขุดจากธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ผลผลิตต่อต้นสูงกว่า เนื่องจากมีการจัดระบบน้ำที่ดีและสามารถปลูกในระบบอินทรีย์หรือผลิตแบบปลอด สารพิษได้


วิธีการเตรียมต้นพันธุ์ก่อนปลูก

คุณ กิตติพงษ์ได้ให้รายละเอียดถึงขั้นตอนในการปลูกมันพื้นบ้านหรือมันป่าว่า เริ่มแรกจะต้องเตรียมต้นพันธุ์ ซึ่งมันพื้นบ้านเกือบทั้งหมดจะต้องขยายพันธุ์ด้วยหัว อย่างกรณีของมันเลือดและมันพร้าว เมื่อต้นแก่เต็มที่ให้สังเกตเถามันที่อยู่ด้านบนจะมีหัวมันเล็กๆ ตามซอกใบ เมื่อเถามันแห้ง หัวจะร่วงหล่นลงให้เก็บมาทำพันธุ์ได้ สำหรับมันอ้อนหรือมันมือเสือหลังจากขุดหัวมันที่มีขนาดใหญ่ออกมาจำหน่าย ให้เก็บหัวมันที่มีขนาดเล็กไว้ขยายพันธุ์ต่อไป ในการขยายพันธุ์สามารถทำได้ 2 วิธี

ขยายพันธุ์แบบวิธีธรรมชาติ สำหรับมันอ้อนนิยมใช้วิธีนี้กันมาก โดยนำหัวพันธุ์เล็กๆ ที่มีความสมบูรณ์นำไปแช่น้ำนานประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นให้นำหัวมันไปแช่ในสารป้องกันและกำจัดแมลง เชื้อรา และฮอร์โมนเร่งรากนานประมาณ 5 นาที นำหัวมันมาผึ่งลมให้แห้งและนำไปชำลงในถุงชำดำขนาด 3x7 นิ้ว วัสดุที่ใช้ชำหัวมันแนะนำให้ใช้ขี้เถ้าแกลบ : ดินร่วน : ทรายหยาบ สัดส่วน 1 : 1 : 1 กลบหัวมันให้มิดหัวพอดีและนำไปไว้ในโรงเรือนที่มีตาข่ายพรางแสงประมาณ 50% รดน้ำเช้าหรือเย็นเพียงวันละครั้งเดียว (หมั่นสังเกตอย่าให้วัสดุในถุงชำแห้ง) หลังจากชำไปประมาณ 45 วัน จะสังเกตมีต้นพันธุ์งอกเป็นต้นออกมา นำไปปลูกลงแปลงได้

สำหรับมัน พื้นบ้านบางชนิด เช่น มันเลือด มันมะพร้าว มันกระชาก ฯลฯ เป็นมันที่มีขนาดของหัวใหญ่ ดังนั้น ในการขยายพันธุ์จะต้องผ่าแบ่งหัวออกเป็นชิ้นเล็กๆ มากน้อยตามขนาดของหัวมัน ในแต่ละชิ้นจะมีตายอดติดอยู่ หลังจากแบ่งผ่าเสร็จให้นำชิ้นมันไปแช่ในสารป้องกันและกำจัดแมลง เชื้อราและฮอร์โมนเร่งราก และผึ่งลมให้แห้งก่อนที่จะนำมาชำในถุงดำ และเมื่อแตกยอดให้นำไปปลูกลงแปลงต่อไป

(สารเคมีที่ใช้ในการแช่หัว พันธุ์มันพื้นบ้านที่ทางชมรมได้ทดลองใช้และได้ผลดีคือ สารเซฟวิน-85 อัตรา 30 กรัม สารเมเจอร์เบน อัตรา 20 กรัม สารโปรวิต อัตรา 30 ซีซี และสารจับใบพรีมาตรอน อัตรา 10 ซีซี โดยผสมสารดังกล่าวทั้งหมดในน้ำสะอาดปริมาณ 20 ลิตร)


เตรียมพื้นที่ปลูกมันพื้นบ้านหรือมันป่าในเชิงพาณิชย์

ความ จริงแล้วมันพื้นบ้านหรือมันป่าสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด และถ้าจะให้ผลผลิตสูงมีการลงหัวที่ดีควรจะเป็นดินร่วนปนทรายและเป็นดินที่มี อินทรียวัตถุค่อนข้างสูง ที่สำคัญจะต้องเป็นพื้นที่ไม่มีน้ำท่วมขังและมีแสงแดดส่องทั่วถึง

คุณ กิตติพงษ์ บอกว่า จากการทดลองในพื้นที่ปลูกมันพื้นบ้าน 1 ไร่ สามารถปลูกได้ประมาณ 2,000 หลัก โดยใช้ระยะปลูกระหว่างต้นประมาณ 75 เซนติเมตร และระยะระหว่างแถว 1 เมตร โดยมีขั้นตอนในการเตรียมแปลงปลูก เริ่มจากใช้รถแทร็กเตอร์ผาล 7 ไถแปลงปลูก 1 รอบ และทิ้งตากหน้าดินนานประมาณ 1 สัปดาห์ ใช้โรตารี่รถไถปั่นดินให้มีความละเอียด 1-2 รอบ และยกร่องขึ้นแปลงให้มีขนาดความกว้างของแปลง 1 เมตร และแปลงมีความสูงประมาณ 40-75 เซนติเมตร ส่วนความยาวของแปลงขึ้นอยู่กับสภาพเนื้อที่และความต้องการของผู้ปลูก


การวางระบบการให้น้ำในการปลูกมันพื้นบ้าน

ใน การปลูกมันพื้นบ้านหรือมันป่าในเชิงพาณิชย์นั้น น้ำนับเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะทำให้มีการลงหัวที่ดี สำหรับมันพื้นบ้านที่ชาวบ้านขุดมาขายนั้นเกือบทั้งหมดให้น้ำโดยฝากเทวดา เลี้ยง และจะมีการขุดมันขึ้นมาขายในช่วงเดือนธันวาคม-เดือนเมษายน ในเรื่องของการให้น้ำในแปลงปลูกมันพื้นบ้านถ้าต้องการลงทุนไม่มากนักให้น้ำ แบบสายยางรด แต่จะเสียเวลาค่อนข้างมาก แต่ถ้ามีการลงทุนเพิ่มขึ้นแนะนำให้มีการตั้งระบบการให้น้ำแบบสปริงเกลอร์ใน พื้นที่ 1 ไร่ ติดตั้งสปริงเกลอร์จำนวน 2-4 หัว คัดเลือกให้มีความเหมาะสมต่อแรงดันของปั๊มน้ำ


วิธีการปลูกและการปักหลักมันพื้นบ้าน

จาก ที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่า ระยะปลูกของมันพื้นบ้านใช้ระยะปลูกระหว่างต้นประมาณ 75 เซนติเมตร ให้ใช้จอบขุดสันแปลงหรือกลางแปลงก็ได้ ให้หลุมมีขนาดกว้าง ยาว และลึก ประมาณ 25 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกเก่า เปลือกถั่ว และขี้เถ้าแกลบลงไปในหลุมและคลุกเคล้ากับดินปลูก นำต้นกล้ามันพื้นบ้านลงปลูกและกลบดินให้แน่น หลังจากนั้นให้นำไม้ไผ่ลวกขนาดกลางหรือขนาดที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางของลำ เฉลี่ย 0.5-1 นิ้ว และไม้ไผ่มีความยาวเฉลี่ย 2-2.5 เมตร เซี่ยมปลายไม้ให้แหลมและปักหลักลงไปข้างต้นมันพื้นบ้านให้ห่างจากต้นมัน ประมาณ 10-15 เซนติเมตร


เทคนิคและขั้นตอนในการดูแลรักษามันพื้นบ้าน

เป็น ที่สังเกตว่า ในแปลงทดลองปลูกมันอ้อนและมันเลือดของแผนกฟาร์ม ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร ในปี พ.ศ. 2551 โดยปลูกในช่วงต้นฤดูฝนคือประมาณเดือนพฤษภาคม 2551 และมาเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนธันวาคม 2551 เป็นต้นมา พบว่าไม่ได้มีการฉีดพ่นสารปราบศัตรูพืชเลย เพียงแต่ในช่วงลงหัวมีการใส่ปุ๋ยเคมีเพิ่มเติมลงไปบ้าง ใช้เวลาปลูกในแต่ละรุ่นเป็นเวลา 8 เดือน การให้น้ำ ในช่วง 15 วันแรก จะมีการให้น้ำอย่างเสมอ อย่างน้อยวันละครั้ง เช้าหรือเย็น เมื่อต้นมันมีอายุได้ 15-45 วัน จะเปลี่ยนมาให้ 2-3 วัน ต่อครั้ง และให้น้ำสัปดาห์ละครั้งเมื่อต้นมันมีอายุ 1 เดือนครึ่ง-4 เดือนครึ่ง หลังจากนั้นจะหยุดการให้น้ำจนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิต ในการป้องกันและกำจัดวัชพืชจะใช้แรงงานคนโดยกำจัดในช่วงที่ต้นมันมีอายุ เฉลี่ย 45-50 วัน

สำหรับปุ๋ยที่ให้กับต้นมันพื้นบ้านนั้น ทางชมรมจะมีการให้ทั้งปุ๋ยอินทรีย์ควบคุมกับปุ๋ยเคมี เนื่องจากสภาพแปลงปลูกมีแร่ธาตุอาหารไม่เพียงพอ ปุ๋ยอินทรีย์จะเน้นปุ๋ยคอกและใช้รองก้นหลุม ส่วนปุ๋ยเคมีที่ให้ทางดินนั้นจะใส่ครั้งแรกเมื่อต้นมันพื้นบ้านมีอายุได้ ประมาณ 1 เดือนครึ่ง โดยใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น สูตร 16-16-16 และเมื่อต้นมันมีอายุได้ประมาณ 3 เดือน จะเปลี่ยนสูตรมาใช้สูตร 10-26-26 หรือ 13-13-21 และเมื่อต้นมันมีอายุได้ประมาณ 4 เดือนครึ่ง จะเร่งการลงหัวด้วยการใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 0-0-60 สำหรับการฉีดพ่นปุ๋ยทางใบในช่วงต้นมันมีอายุระหว่าง 1-1 เดือนครึ่ง จะฉีดพ่นปุ๋ยทางใบที่มีไนโตรเจนสูง เช่น สูตร 28-0-0, 18-6-6 ฯลฯ และในช่วงอายุ 1 เดือนครึ่ง-4 เดือน จะเปลี่ยนมาฉีดพ่นสูตรที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูง เช่น สูตร 5-20-25, 10-52-17 ฯลฯ และช่วงอายุ 5-6 เดือนครึ่ง จะฉีดพ่นโดยเน้นปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น สูตร 0-0-25


โรคและแมลงของมันพื้นบ้าน

โดย ธรรมชาติแล้วมันพื้นบ้านและมันป่ามีแมลงและโรคศัตรูทำลายน้อยมาก แต่เมื่อนำมาปลูกในเชิงพาณิชย์ควรจะมีการป้องกันบ้าง เช่น ในการเตรียมต้นพันธุ์จะต้องมีการแช่หัวมันเพื่อป้องกันแมลงกัดแทะและป้องกัน โรคซึ่งอาจจะพบหัวพันธุ์เน่าได้ในช่วงที่นำไปปลูกและมีฝนตกมาก จากแปลงทดลองปลูกพบว่า ในช่วงที่มีการย้ายต้นกล้ามันพื้นบ้านลงปลูกในแปลงจะพบแมลงที่กัดกินใบเป็น ส่วนใหญ่ ถ้าทำลายมากจะทำให้ต้นมันชะงักการเจริญเติบโตได้ เมื่อพบปัญหาแมลงกัดกินแนะนำให้ฉีดพ่นสารเซฟวิน-85 อัตรา 30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร (1 ปี๊บ) ปัญหาเรื่องโรคเน่าคอดินในช่วงที่ย้ายต้นกล้ามันพื้นบ้านลงปลูกมักจะพบมาก เมื่อเกษตรกรมีการเตรียมแปลงปลูกไม่ดีทำให้เกิดสภาพน้ำท่วมขังแฉะหรือฝนตก ชุก ที่สำคัญไม่ควรกลบดินพูนโคนให้สูงเกินไป ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันหลังจากที่ย้ายต้นกล้าลงปลูกในแปลงควรจะฉีดพ่นด้วยสาร ป้องกันและกำจัดเชื้อรา เช่น ยาในกลุ่มของสารเมตาแลกซิล มีคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการป้องกันการเกิดโรคเน่าคอดิน ถ้าเกษตรกรปลูกมันพื้นบ้านในช่วงฤดูฝนและมีปริมาณฝนตกอย่างต่อเนื่อง ไม่จำเป็นจะต้องให้น้ำ แต่ถ้าจะปลูกในช่วงฤดูแล้ง น้ำกลับมีความจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการลงหัวของมันพื้นบ้าน


การเก็บเกี่ยวผลผลิตมันพื้นบ้านและการตลาด

ใน การปลูกมันพื้นบ้านในเชิงพาณิชย์นั้นจะใช้เวลาปลูกเพียง 8 เดือนเท่านั้น สามารถเก็บเกี่ยวขุดหัวมันขึ้นมาจำหน่ายได้ (ถ้าปลูกมันเทศเนื้อสีส้ม สีม่วง และมันเหลืองญี่ปุ่น จะใช้เวลาปลูกสั้นกว่า ใช้เวลาประมาณ 4-4 เดือนครึ่ง เก็บเกี่ยวผลผลิตได้) วิธีการสังเกตว่าต้นพื้นบ้านสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลังจากปลูกไปแล้ว ประมาณ 7-8 เดือน สังเกตว่าใบมีสีเหลืองเริ่มเหี่ยว เถาเริ่มแห้งและตายในเวลาต่อมา และสังเกตที่ดินปลูกจะแตกมีรอยแยกบริเวณหน้าดิน ให้ขุดมันพื้นบ้านขึ้นมาได้

ปัจจุบัน ความต้องการมันพื้นบ้านของไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยขายได้ราคาถูก ในอดีตถึงกลับแจกกันกินก็มี หลายคนที่เคยบริโภคไม่ทราบถึงคุณประโยชน์ด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะในผู้หญิงที่หมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตเจนจะลดลงเมื่อบริโภคมันพื้นบ้านจะมีส่วนช่วยเพิ่มฮอร์โมนเอสโต เจนและยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารมากมาย จากมันที่ไม่มีราคามาถึงวันนี้เป็นของหารับประทานได้ยากและมีราคาสูงกว่ามัน ชนิดอื่นและสามารถนำมาปลูกในเชิงพาณิชย์ได้
 


ข้อมูลเพิ่มเติม :


11 ความคิดเห็น :

Unknown กล่าวว่า...

ส่งขายได้ที่ไหนครับ

Unknown กล่าวว่า...

หาซื้อพันธุ์ได้ที่ไหนครับ

Unknown กล่าวว่า...

มีพันธ์แบ่งให้นะครับ...สอบถามโทร 091 565 6634

Unknown กล่าวว่า...

มีพันธ์แบ่งให้นะครับ...สอบถามโทร 091 565 6634

Unknown กล่าวว่า...

อยากหาตลาดที่ได้ราคาหน่อยครับ
ตลาดบ้านนอกซื้อกันถูก

Unknown กล่าวว่า...

อยากหาตลาดที่ได้ราคาหน่อยครับ
ตลาดบ้านนอกซื้อกันถูก

Unknown กล่าวว่า...

มันเลือด กับ มันหอม อันเดียวกันไหมครับ

นะ กล่าวว่า...

แนะนำตลาดให้ด้วยครับ

Somchai Thonglek กล่าวว่า...

ไม่มีเพื่อนช่วยกิน และคนบางภาคไม่ค่อยรู้จัก ที่บ้านเลยนึ่งแล้วกินคนเดียวซะมากกว่า ช่วงนี้ ม.ค.-มี.ค.60 ท่านใดต้องการไปปลูกหรือไปทานสั่งได้ครับ..มีประมาณ200 กก. กก.ละ 50 บาท ค่าส่งช่วยออกครึ่งหนึ่งครับ..โปรโมชั่นสำหรับผู้ที่ชอบ และเน้นในสรรพคุณของมันเลือดจริง ๆ https://www.facebook.com/somchai.thonglek/posts/1390462197672511?pnref=story

Unknown กล่าวว่า...

เยี่ยมมากครับสนใจอยากปลูก อนุรักษ์ใว้ให้ลูกหลาน

Unknown กล่าวว่า...

มีแหล่งหรือพ่อค้าที่รับซื้อมันเลือดบ้างไหมคะ

แสดงความคิดเห็น