เกาลัด
เกาลัด
พันธุ์ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ โดยทั่วไปจะพบเกาลัด หรือลูกเกาลัดชนิดมีขนคล้ายเงาะที่เปลือกหุ้มเมล็ดเกาลัด
เกาลัดอีกพันธุ์ที่มีความแปลกตาออกไป เป็นพันธุ์ไม้มงคลจะมีเปลือกหุ้มเมล็ดคล้ายกำมะหยี่สีแดง
เมล็ดเกาลัดที่อยู่ในเปลือกหุ้มเมื่อสุกจะมีสีน้ำตาลเข้ม จึงเรียกง่ายๆว่าเป็น เกาลัดเปลือกกำมะหยี่ เกาลัดเปลือกกำมะหยี่สีแดง หรือลูกเกาลัดกำมะหยี่แดง ซึ่งเป็นต้นไม้มงคล พันธุ์ไม้หายากชนิดหนึ่ง
เกาลัดเป็นไม้ที่สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการสร้างลำต้น อีกทั้งเกาลัดมีใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยร่วง จึงสามารถให้ร่มเงา กรองฝุ่นละออง ลดมลภาวะ รวมทั้งลดสภาวะโลกร้อนได้เป็นอย่างดี
การปลูกเกาลัดทำได้จากเมล็ดเกาลัด และการตอนกิ่ง ดอกเป็นช่อสีชมพูอ่อน มีดอกขนาดเล็ก เมื่อติดผลจะได้เป็นช่อเกาลัดเปลือกสีเขียวก่อน เมื่อเริ่มสุกสีของเปลือกหุ้มเมล็ดเกาลัดจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และปริออกแสดงให้เห็นถึงเมล็ดเกาลัดที่อยู่ด้านใน ซึ่งอาจมีเมล็ดเกาลัดอยู่ 1-4 เมล็ด ลูกเกาลัดจะมีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลเข้ม เมื่อ เกาลัด ออกดอกและผลเต็มต้น จนกระทั่งมีเปลือกกำมะหยี่สีแดง ดูสวยมาก
การปลูกเกาลัด ต้องอาศัยความอดทนและการรอคอย สมัยก่อนเคยมีความเชื่อกันว่าปลูกเกาลัดในประเทศไทยไม่ได้ แต่ที่จริงแล้วการปลูกเกาลัดสามารถทำได้ และผลิดอกออกผลได้เป็นอย่างดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปลูกเกาลัดจากเมล็ดเกาลัด(ลูกเกาลัด) หรือตอนกิ่งก็ตาม (สามารถดูรายละเอียดการ
ปลูกเกาลัด
โดยทั่วไป การปลูกเกาลัด นิยมปลูกในเขตหนาว แต่ในประเทศไทยก็ปลูกได้ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคกลาง และจัดว่าเป็นไม้มงคลที่เป็นต้นไม้หายากและน่าปลูกชนิดหนึ่ง
เมล็ดเกาลัดหาดูได้ตามเยาวราช ที่นำมาคั่วด้วยทราย
เกาลัดเปลือกกำมะหยี่สีแดงไม่มีขน : ไม้มงคลให้โชคลาภทั้งในญี่ปุ่นและจีน (และไทย) เกาลัด หรือเชสท์นัท (chestnut) เป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นที่ขึ้นอยู่ในแทบจะทุกแถบถิ่นของโลกที่มีอากาศเย็น เป็น พืชท้องถิ่นทั้งในอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น แต่จัดเป็นพันธุ์ไม้หายากในบ้านเรา การปลูกเกาลัด จึงยังไม่แพร่หลาย คนไทยเรียกชื่อตามภาษาถิ่นว่า 'ลูกก่อ' สำหรับเกาลัด ถึงจะเปลือกแข็ง ก็เป็นนัท(เมล็ดเกาลัด,ลูกเกาลัด)ประเภท เดียวที่ทางโภชนา การถือว่าเป็นผัก เพราะมันมีแป้งเป็นส่วนประกอบหลัก และน้ำมันมีนิดเดียวและเป็นกรดไขมันไม่ อิ่มตัว อุดมด้วยวิตามินบี คนโบราณเขาว่าเกาลัดเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ประเภทของเกาลัดเกาลัด มีหลากหลายพันธุ์ ประเทศไทยได้มีการทดลองปลูกโดยนำมาจากประเทศจีนประมาณปี2528 โดยมีการคัดแยกสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทย เกาลัด ที่นิยมกินกันเป็นพันธุ์ที่มีเปลือกหุ้มเมล็ดเกาลัดขนยาวคล้ายเงาะ ซึ่งสามารถหาได้ทั่วไป ส่วน เกาลัด ที่มีเปลือกกำมะหยี่แดง เป็นที่นิยมในการปลูกเป็นไม้ประดับในสวน เพื่อความสวย งาม เนื่องจากพวงผลที่มีลักษณะเด่นเป็นสีแดงสดหุ้มเมล็ดเกาลัด และเมื่อผลออกเต็มต้นจะดู สวยงามเหมือนต้นโอ๊คที่มีผลสีแดงเต็มต้นซึ่งแตกต่างจากพันธุ์ขนยาวคล้ายเงาะ เกาลัดพันธุ์ เปลือกกำมะหยี่แดงจึงเป็นที่นิยมในการปลูกเพื่อประดับ และเป็นศิริมงคลมากกว่า ต้นกำเนิดของเกาลัดในประเทศไทยจึงนับได้ว่านำเข้ามาจาก ประเทศจีนทั้งสิ้น เพียงแต่ประเภท ของเกาลัดมีจำนวนมากและต้องคัดตามความต้องการในการใช้ ประโยชน์ของผู้ปลูก การปลูกเกาลัดการปลูกเกาลัด สามารถทำได้ทั้งจากการตอนกิ่ง ลูกเกาลัดหรือเมล็ดเกาลัดโดย ทั่วไปใช้เวลาประมาณ 6-7 ปีจึงจะผลิดอกออกผล ต้องใช้เวลาและรู้จักรอคอย โดยเฉพาะการเพาะจากลูกเกาลัด เนื่องจากต้องผ่านอุปสรรคเรื่องของแมลง และกระรอกที่จะคอยกัดกินผล อีกทั้งสภาพของดินและ อากาศในขณะเพาะก็มีผลเช่นกัน แมลงที่ชอบวางใข่เพื่อให้ลูกเกิดเป็นตัวหนอนแล้วไชเนื้อเมล็ดเกาลัดเป็นอาหารคือ ด้วงดิน ส่วนหอยทากก็ชอบเช่นกัน ที่หนักไปกว่านั้นคือ กระรอก เนื่องจากกระรอกจะกินตั้งแต่เปลือกหุ้ม เมล็ดยังเป็นสีเขียว นำมาแทะเล่นแล้วทิ้งซากไว้ให้ดูต่างหน้าเป็นประจำ ส่วนที่สุกจนเปลือกหุ้ม เมล็ดเป็นกำมะหยี่แดงก็มีโอกาสสูงที่จะถูกกระรอกกินเช่นกัน นอกจากนี้ต้นอ่อนที่เพาะในกระถางยังสามารถถูกกระรอกมาขุดกิน และทำลายอีกด้วย แต่เมื่อ ลำต้นตั้งตรงได้ประมาณ 20 เซนติเมตร ปัญหาเรื่องกระรอกก็จะหมดไปจนกว่าจะออกผลอีกนั่น เอง อย่างไรก็ตามกระรอกมักจะโปรดปรานมะม่วงมากกว่าลูกเกาลัด เนื่องจากกินมะม่วงง่ายกว่า การมาแทะลูกเกาลัดเปลือกแข็งนั่นเอง ภาพประกอบ: |
3 ความคิดเห็น :
ผมต้องการจะซื้อต้นพันธุ์เกาลัดครับ
มีเบอร์ติดต่อมัยคับ
ปลูกภาคใต้ สุราด จะมีผลดดป่าวคับ
แสดงความคิดเห็น