มะม่วงหิมพานต์
ประโยชน์และสรรพคุณ
มะม่วงหิมพานต์เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่มีเม็ดอยู่นอกผล โดยเม็ดมีรูปร่างคล้ายไตยื่นออกมาจากส่วนปลายผลราวกับจะบอกใบ้ให้รู้ถึงคุณประโยชน์ที่น่าลิ้มลอง
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ควบคุมน้ำหนัก ต้านเบาหวาน
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ จัดเป็นขนมขบเคี้ยวประเภทถั่วที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่า หากกินทดแทนขนมซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำตาลและไขมันเป็นส่วนผสมปริมาณมาก จะช่วยความคุมน้ำหนักไม่ให้เพิ่มขึ้นได้
Journal of Obesity สำรวจพบการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวของชาวสเปน หลังจากกินเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยพบว่า ผู้ที่กินเม็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือถั่วชนิดต่างๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง มีโอกาสน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าผู้ที่ไม่กินถึง 31 เปอร์เซ็นต์
อาจกล่าวได้ว่า เม็ดมะม่วงหิมพานต์อุดมด้วยใยอาหารและไขมันดี กินแล้วอยู่ท้อง ทั้งยังให้พลังงานต่ำกว่าขนมแปรรูปที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลและไขมันซึ่งให้พลังงานสูงจึงช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมอนทรีออล (University of Montreal ) ประเทศแคนาดา ตีพิมพ์ผลงานวิจัยใน the journal Molecular Nutrition & Food Research โดยระบุว่า สารสกัดจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีประสิทธิภาพในการต้านโรคเบาหวาน โดยสามารถกระตุ้นให้เกิดการลำเลียงน้ำตาลเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น มีผลควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance)
ยอดมะม่วงหิมพานต์ ยอดยาอายุวัฒนะ
ยอดมะม่วงหิมพานต์ที่นิยมกินเคียงน้ำพริก แท้จริงคือยาอายุวัฒนะ ชะลอวัย
ยอดมะม่วงหิมพานต์ 1 ถ้วย (21 กรัม) มีสารแอนติออกซิแดนต์หลายชนิดในปริมาณสูง ได้แก่ โพลิฟีนอล(Polyphenol) 861 มิลลิกรัม ไซยานิดิน (Cyanidin) 7.84 มิลลิกรัม และพีโอนิดิน (Peonidin) 0.16 มิลลิกรัม
หนังสือโภชนาการกับผัก สถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ยอดมะม่วงหิมพานต์มีประสิทธิภาพในการต้านฟรีแรดิเคิลสูงมาก มีค่า ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) สูงถึง 7,278 ไมโครโมล ทีอี (ค่า ORAC ยิ่งสูง ยิ่งแสดงว่ามีประสิทธิภาพในการต้านฟรีแรดิคัลมาก) จึงช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย และชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของความแก่ได้